แชร์

การเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยในกระเพาะรูเมน 

อัพเดทล่าสุด: 19 มี.ค. 2025
317 ผู้เข้าชม

การเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยในกระเพาะรูเมน 

สัตว์เคี้ยวเอื้องหรือสัตว์กระเพาะรวม เป็นสัตว์ที่มีโครงสร้างระบบการย่อยอาหารแตกต่างจากสัตว์กระเพาะเดี่ยว คือมีลักษณะของระบบการย่อยอาหารที่ค่อนข้างยาวกว่าสัตว์กระเพาะเดี่ยวประมาณ 40 เมตร โดยเป็นมีสัดส่วนของกระเพาะมากที่สุด ของทำให้ระยะเวลาในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารนานยิ่งขึ้น กระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้องแบ่งได้เป็น 4 ส่วนโดยมีชื่อและลักษณะเฉพาะ ดังนี้ 

1.กระเพาะผ้าขี้ริ้วหรือรูเมน (rumen) เป็นกระเพาะอาหารที่มีจุลินทรีย์ พวกแบคทีเรียและโพรโทซัวอาศัยอยู่จำนวนมาก โดยจุลินทรีย์เหล่านี้จะทำหน้าที่สร้างนํ้าย่อยเซลลูเลส จากพืชที่กินเข้าไปและสามารถสำรอกอาหารออกมาเคี้ยวเอื้องเป็นครั้งคราว เพื่อบดเส้นใยให้ละเอียด ดังนั้นเราจึงเรียกสัตว์ที่มีกระเพาะจำพวกนี้ว่า สัตว์เคี้ยวเอื้อง 

2.กระเพาะรังผึ้งหรือเรติคิวลัม (reticulum) ทำหน้าที่ย่อยน้ำนม เมื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องยังเล็กอยู่ และมีจุลินทรีย์เช่นเดียวกับกระเพาะอาหารส่วนรูเมน 

3.กระเพาะสามสิบกลีบหรือโอมาซัม (omasum) ทำหน้าที่ผสมและอาหาร นอกจากนี้ยังดูดซึมและซับนํ้าจากรูเมนอีกด้วย 

4.กระเพาะจริงหรืออะโบมาซัม (abomasum) มีการย่อยอาหารจากนํ้าย่อยของสัตว์เองและจากจุลินทรีย์ไปพร้อมๆกัน จากนั้นอาหารจากการที่ได้รับการย่อยแล้วจะถูกส่งต่อไปยังลำไส้เล็กเพื่อย่อยให้สมบูรณ์ 
เมื่ออาหารผ่านเข้าสู่ลำไส้เล็กตอนต้น จะมีการย่อยโปรตีน ไขมันและแป้งจากนํ้าย่อยจากตับอ่อนและนํ้าดีจากตับ จากนั้นก็ดูดซึมเข้าสู่ระบบหมุนเวียนต่อไป 
จากที่กล่าวมาทำให้ทราบว่า สัตว์เคี้ยวเอื้องมีลักษณะที่แตกต่างจากสัตว์กระเพาะเดี่ยวค่อนข้างมาก โดยปกติแล้วสัตว์เคี้ยวเอื้องไม่มีการหลั่งเอนไซม์อะไมเลสออกมากับน้ำลาย แต่จะมีจุลินทรีย์จำพวก แบคทีเรีย โปรโตซัว และเชื้อรา ในกระเพาะรูเมนที่สามารถหลั่งเอนไซม์ออกมาย่อยแป้ง น้ำตาล เยื่อใย โปรตีน ไขมัน และสารอาหารอื่นๆ จุลินทรีย์เหล่านี้เมื่อทำการย่อยแล้ว จะผลิตกรดไขมันระเหยง่าย (Volatile Fatty Acids: VFAs) และดูดซึมโดยเนื้อเยื่อของกระเพาะรูเมน เพื่อนำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักของสัตว์เคี้ยวเอื้อง 

การเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยให้กับกระเพาะรูเมนของโคนมหรือโคเนื้อ สามารถทำได้โดยการเพิ่มและรักษาระดับกรดไขมันระเหยง่าย (Volatile Fatty Acids: VFAs) กรดไขมันระเหยง่ายที่เกิดจากการย่อยอาหารของจุลินทรีย์นั้น ได้แก่ กรดอะซิติค (Acetic acid) และกรดโพรพิโอนิค (Propionic acid) โดยกรดอะเซทติกส่วนใหญ่ใช้ผลิตเป็นไขมันในน้ำนม กรดโพรพิโอนิคถูกนำไปสร้างกลูโคสและไขมันในร่างกาย กรดไขมันเหล่านี้สัตว์จะได้รับจากอาหารหยาบและอาหารข้น ดังนั้นการให้อาหารหยาบและอาหารข้นต้องคำนึงถึงสัดส่วนที่เหมาะสมเพราะจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของสัตว์ และผลผลิตน้ำนมที่เกษตรกรจะได้รับต่อวัน 
 
ตารางแสดงสัดส่วนการให้อาหารหยาบและอาหารข้นต่อสัดส่วนกรดไขมันระเหยง่าย (%) 

ที่มา: Ishler et al., 1996  

การเพิ่มระดับโปรตีนไหลผ่านหรือระดับบายพาสโปรตีน (Pypass protein) ให้กับสัตว์เคี้ยวเอื้องก็มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยในกระเพาะรูเมน เพราะโดยปกติโปรตีนที่สามารถผ่านไปถึงกระเพาะแท้จะ

ประกอบด้วย 

โปรตีนที่ได้จากจุลินทรีย์เกิดจากการที่จุลินทรีย์สร้างกรดอะมิโนซึ่งมีปริมาณและสัดส่วนกรดอะมิโนที่จำเป็น เช่น ไลซีนและเมทไธโอนีน ใกล้เคียงกับสัดส่วนกรดอะมิโนที่ได้รับจากโปรตีนจากสัตว์  โปรตีนที่ไม่ถูกจุลินทรีย์ในกระเพาะรูเมนย่อยสลายหรือโปรตีนไหลผ่าน 
 
การให้อาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องจึงควรมีการทำให้โปรตีนคุณภาพดีในอาหารมีการสลายตัวในกระเพาะรูเมนน้อยที่สุด ดังนั้นจึงมีการทำให้โปรตีนมีการไหลผ่านเพิ่มขึ้นด้วยการผ่านกรรมวิธีง่ายๆ เช่น การนำวัตถุดิบกลุ่มโปรตีนมาผ่านความร้อน ซึ่งเป็นกรรมวิธีที่โรงงานอาหารสัตว์ที่ผลิตอาหารสัตว์เคี้ยวเอื้องใช้กันในปัจจุบัน 
 
ตารางแสดงสัดส่วนที่ไม่ถูกย่อยสลายในกระเพารูเมนของโปรตีนบางชนิดของวัตถุดิบที่ยังไม่ผ่านความร้อนเทียบกับที่ผ่านความร้อนด้วยวิธีต่างๆ 

 ที่มา: บุญล้อม, 2541 
 
การเพิ่มให้มีโปรตีนไหลผ่านไปถูกย่อยที่กระเพาะแท้และลำไส้เล็กมากขึ้นจะทำให้กรดอะมิโน ซึ่งจะถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์ต่อสัตว์โดยตรง ซึ่งในสัตว์เคี้ยวเอื้องที่ให้ผลผลิตสูง เช่น แม่โคแรกคลอดนอกจากจะได้รับจากจุลินทรีย์แล้วจำเป็นต้องได้รับโปรตีนไหลผ่านเพิ่มมากขึ้นด้วย 
จากที่กล่าวมาการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยในกระเพาะรูเมนสามารถทำได้โดย การเพิ่มและรักษาระดับกรดไขมันระเหยง่าย และการเพิ่มระดับโปรตีนไหลผ่านหรือระดับบายพาสโปรตีน โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงสามารถปฏิบัติได้โดยการจัดการการให้อาหารสัตว์อย่างถูกวิธีและเหมาะสมตามช่วงอายุหรือตามช่วงการให้ผลผลิตของสัตว์ 

เอกสารอ้างอิง: บุญล้อม  ชีวะอิสระกุล.  2541.  โภชนศาสตร์สัตว์ เล่ม 1.  ธนบรรณการพิมพ์, เชียงใหม่.   
          บุญล้อม  ชีวะอิสระกุล.  2546.  ชีวเคมีทางสัตวศาสตร์.  ธนบรรณการพิมพ์, เชียงใหม่.   
           1996 Ishler, V., A. J. Heinrichs, and G. Varga. 1996. From feed to milk: Understanding rumen function. Pennsylvania State University Extension Circular 422, University Park, PA. 

การเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยในกระเพาะรูเมน 

สัตว์เคี้ยวเอื้องหรือสัตว์กระเพาะรวมมีระบบทางเดินอาหารที่ยาวกว่าสัตว์กระเพาะเดี่ยวและมักมีหลายกระเพาะ ทำให้ะยะเวลาในการย่อยและการดูดซึมสารอาหารนานยิ่งขึ้นกระเพาะอาหารของสัตว์เคี้ยวเอื้องแบ่งได้เป็น 4 ส่วน 
กระเพาะผ้าขี้ริ้วหรือรูเมน (rumen) เป็นกระเพาะอาหารที่มีจุลินทรีย์ พวกแบคทีเรียและโพรโทซัวอาศัยอยู่จำนวนมาก  
กระเพาะรังผึ้งหรือเรติคิวลัม (reticulum) ทำหน้าที่ย่อยน้ำนม เมื่อสัตว์เคี้ยวเอื้องยังเล็กอยู่ และมีจุลินทรีย์เช่นเดียวกับกระเพาะอาหารส่วนรูเมน 
กระเพาะสามสิบกลีบหรือโอมาซัม (omasum) ทำหน้าที่ผสมและอาหาร นอกจากนี้ยังดูดซึมและซับนํ้าจากรูเมนอีกด้วย 
กระเพาะจริงหรืออะโบมาซัม (abomasum) มีการย่อยอาหารจากนํ้าย่อยของสัตว์เองและจากจุลินทรีย์ไปพร้อมๆกัน จากนั้นอาหารจากการที่ได้รับการย่อยแล้วจะถูกส่งต่อไปยังลำไส้เล็กเพื่อย่อยให้สมบูรณ์ 
การเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยให้กับกระเพาะรูเมน 
เพิ่มและรักษาระดับกรดไขมันระเหยง่าย เพื่อนำไปสร้างกลูโคสและไขมันร่างกาย 
การเพิ่มระดับโปรตีนไหลผ่านหรือระดับบายพาสโปรตีน (Pypass protein) ให้กับสัตว์เคี้ยวเอื้องก็มีส่วนช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการหมักย่อยในกระเพาะรูเมน  
การเพิ่มให้มีโปรตีนไหลผ่านไปถูกย่อยที่กระเพาะแท้และลำไส้เล็กมากขึ้นจะทำให้กรดอะมิโน ซึ่งจะถูกดูดซึมไปใช้ประโยชน์ต่อสัตว์โดยตรง 


บทความที่เกี่ยวข้อง
บทบาทของยีสต์ต่อสุขภาพและการเจริญเติบโตของสัตว์กระเพาะรวม
ในอุตสาหกรรมการเลี้ยงสัตว์ ยีสต์ถือเป็นวัตถุดิบที่ได้รับความนิยมมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในสัตว์กระเพาะรวมอย่างโคนมและโคเนื้อ เกษตรกรมักนำยีสต์ไปใช้ในรูปแบบหมักร่วมกับวัตถุดิบ เช่น มันสำปะหลังหมักยีสต์ ข้าวโพดหมักยีสต์ หรือของเหลือใช้จากอุตสาหกรรมอาหาร เพื่อปรับปรุงคุณภาพอาหารสัตว์ เพิ่มประสิทธิภาพการย่อย และเสริมสุขภาพโดยรวมของสัตว์
3 มิ.ย. 2025
โควิด-19 กลับมาอีกครั้ง! ช่วงหน้าฝน เสี่ยงป่วยสูง
โรคโควิด-19 ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัส SARS-CoV-2 ยังคงเป็นภัยสุขภาพที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่เอื้อต่อการแพร่กระจายของเชื้อ ล่าสุดกรมควบคุมโรคเผยว่า ตั้งแต่ต้นปี 2568 จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม มีผู้ป่วยสะสมแล้ว 41,197 ราย และเสียชีวิต 15 ราย ข้อมูลระบุว่า กลุ่มที่ติดเชื้อมากที่สุดคือเด็กอายุ 0–5 ปี และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ
26 พ.ค. 2025
สุราเมลัย กับเพื่อนคู่ใจที่ชื่อ “กับแกล้ม”
ช่วงเทศกาลหรืองานสังสรรค์ หลายคนมักมีแก้วในมือและจานกับแกล้มอยู่ตรงหน้า การดื่มแอลกอฮอล์กลายเป็นเรื่องปกติของการเข้าสังคม แต่สิ่งที่หลายคนมองข้าม คือผลกระทบต่อสุขภาพที่แฝงอยู่ทั้งในเครื่องดื่มและ “ของกินเล่น” ข้างแก้วเหล่านั้น
19 พ.ค. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy